บ้านสมุนไพรชัยมงคล
http://www.chlorophyll.tht.in
  

คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100 % พลังสีเขียวจากอัลฟัลฟ่าสด อาหารอายุวัฒนะ คลอโรฟิลล์ชนิดละลายน้ำได้บริสุทธิ์ 100 % เต็ม ( Pure Chlorophyll ) สอบถามผลิตภัณฑ์ ติดต่อ คุณเขมจิรา จิตมงคล โทร. 086-0366174 (AIS) , 086-3318914 (True) , 081-4207481 (Dtac)ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด                                                                                                                                                                                                                                                                                                      
 
 สถิติวันนี้ 62 คน
 สถิติเมื่อวาน 332 คน
 สถิติเดือนนี้
สถิติปีนี้
สถิติทั้งหมด
908 คน
2752 คน
569503 คน
เริ่มเมื่อ 2012-09-30



คำถามตอบ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100 % และ ผลิตภัณฑ์ แองเจิ้ล(Angel) ***ข้อมูลสำหรับสมาชิกบ้านสมุนไพร***
 

 

 
 


 
 
  1. ข้อมูลอาการแสดงออกของผู้ป่วยโรคต่าง ๆ (ปฎิกิริยาโต้ตอบต่อการบำบัด ) หลังจากดื่มคลอโรฟิลล์ (เพิ่มเติม)……?
  2. การใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100 % เพื่อฟื้นฟูอาการของโรคต้องปฏิบัติตนอย่างไร……?
  3. กรณีของอาหารเป็นพิษ จะใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ได้หรือไม่ และใช้อย่างไร ……?
  4. กรณีของผู้ที่มีกลิ่นตัวและลมหายใจเหม็น ใช้อย่างไร ……?
  5. เรื่องเกี่ยวกับการกำจัดกลิ่นและแบคทีเรีย……?
  6. การใช้คลอโรฟิลล์สำหรับผู้ดื่มสุรามานานแล้วแต่ตับยังดีอยู่ หรือรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์มากๆ ดื่มคลอโรฟิลล์ได้หรือไม่……?
  7. คนในเมืองได้รับสารพิษทางใดบ้าง แล้วทำไมจึงป่วย ……?
  8. ทำไมจึงป่วยใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์แล้ว โรคภูมิแพ้ก็ยังไม่ทุเลา เป็นคนทำงานกะดึก ไม่ทราบว่าเวลการทำงานที่ทำมีผลเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและภูมิต้านทานโรคของร่างกายหรือไม่ ……?
  9. อาการเลือดกำเดาไหลบ่อย ใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ได้หรือไม่ ถ้าได้ต้องใช้อย่างไร ……?
  10. การนอนดึกส่งผลเสียแก่ร่างกายอย่างไร……?
  11. ป่วยเป็นโรค SLE หรือ autoimmune disease หรือโรคพุ่มพวง สามารถใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100 % ได้หรือไม่ถ้าได้ จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร……?
 
     
 

ข้อมูลอาการแสดงออกของผู้ป่วยโรคต่าง ๆ (ปฎิกิริยาโต้ตอบต่อการบำบัด ) หลังจากดื่มคลอโรฟิลล์ (เพิ่มเติม)...…?

อาการแสดงออกของผู้ป่วยโรคต่าง ๆ (ปฎิกิริยาโต้ตอบต่อการบำบัด ) หลังจากดื่มคลอโรฟิลล์สามารถสรุปได้ ดังต่อไปนี้

1.โรคตับ หรือผู้ที่เคยติดยาเสพติด หรือกินยาแผนปัจจุบันมาเป็นเวลานาน ดื่มแล้วอาจมี อาการมึนงง ท้องผูก 2-7 วัน

2. ผู้ป่วยระบบความดันโลหิต ไม่ว่าความดันโลหิตสูงหรือ ความดันโลหิตต่ำ อาจมีอาการปวดศีรษะ หรือ อาการเวียนศีรษะบ้าง

3. โรคเกี่ยวกับระบบหัวใจ หลอดเลือด ระบบประสาท สมอง และไมเกรนจะมีอาการปวดศรีษะ ครั่นเนื้อ ครั่นตัว

4. ภูมิแพ้ หรือหืดหอบ อาจมีอาการน้ำหมูกไหลมาก ๆ หรืออาจเหมือนจะเป็นไข้ หรือเป็นไข้

5. ปวดข้อ ปวดกระดูก หรือเก๊าต์ แสดงว่าท่านมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก และกล้ามเนื้อ ซึ่ง อาจมีอาการปวดมากขึ้น 3-7 วัน

6. โรคไต อาจมีผื่นขึ้นตามตัว

7. เบาหวาน ที่ตับและไตเริ่มมีปัญหาแล้ว น้ำตาลในเลือดจะสูงขึ้นประมาณ 1-3 เดือน แล้ว ค่อยลดลงสู่สภาวะปกติ

8. ผู้ที่ดื่มสุรา มานานแล้วตับยังดีอยู่ หรือรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์มาก ๆ อาจท้องเสียประมาณ 2-5 วันแต่ไม่มีอาการอ่อนเพลีย

9. ผู้ที่ดื่มสุรา มานานแล้ว ตับเรี่มมีปัญหา อาจทำให้ท้องผูกประมาณ 2-5 วัน

10. โรคกระเพาะอาหารในลักษณะ กรดไหลย้อนจะมีอาการปวดท้องมากขึ้นหรืออาเจียน

11. ผู้ป่วยมะเร็ง หรือผู้ที่มีก๊าซคาร์บอน (Co2)ในร่างกายจำนวนมาก อาจมีอาการปากเป็น แผลร้อนใน

12. ได้รับสารพิษมาก จะมีอาการปัสสาวะบ่อย มีกลิ่นฉุนในช่วงวันแรกๆ หลังจากนั้นเมื่อขับสารพิษหมดปัสสาวะ จะใสไม่มีกลิ่น

13. ปัญหาโรคนิ่วในไต จะมีอาการปัสสาวะมีสีขุ่นขาว

14. มีอาการท้องร่วง นั้นคือ ท่านเป็นพิษในลำไส้ใหญ่

15. มีอาการท้องผูก กำลังล้างพิษในลำไส้เล็ก

16. มีอาการอาเจียร แสดงว่าได้รับสารพิษในระบบทางเดินอาหาร

17. ถ่ายอุจจาระเป็นสีเขียว แสดงว่าลำไส้ท่านสกปรกมาก สามารถดูดซึมสารอาหารได้น้อย จึงมีปัญหาเรื่องการดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ร่างกาย

18. ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ แสดงว่ามีของเสียสะสมอยู่ในลำไส้ จึงมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย จะมีปัญหาท้องผูกเป็นประจำ ใช้การบำบัดฟื้นฟูอยู่ประมาณ 15 วันหรือมากกว่าในการขับล้างของเสียออก เมื่อใช้คลอโรฟิลล์ไปสักระยะหนึ่งอุจจาระจะเริ่มกลับกลายเป็นสีเหลืองแต่ยังจมน้ำอยู่ แต่เมื่อใดที่สภาพร่างกายเข้าสู่สภาพปกติอุจจาระต้องเป็นสีเหลือฟูลอยน้ำ และถ้าระหว่างใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ มีอาการท้องผูกมากว่าเดิม แสดงว่าท่านเริ่มมีปัญหาเรื่อง ตับอ่อนทำงานผิดปกติให้เสริมด้วยการดื่มน้ำมะขามเปียกคั้น ตอนเช้าใช้คลอรฟิลล์บริสุทธิ์ 5 cc (น้ำเปล่า 1 แก้ว) + น้ำมะขามเปียก ดื่ม 2 เวลา เช้า 1 แก้ว เย็น 1 แก้วร่วมด้วย

• อาการโดยรวม ของปฎิกิริยาโต้ตอบต่อการบำบัด

อาการที่เกิดขึ้น 1-7 วันแรก จะรู้สึกวิงเวียนศีรษะ หรือ ปวดเมื่อยตามร่างกาย เหมือนมีไข้ ท้องผูกปวดท้อง ท้องอืด ผื่นขึ้น ( แล้วแต่อาการของโรคที่ท่านกำลังเป็น ) เรียกว่า ปฏิกิริยาตอบโต้การบำบัด ร่างกายคายพิษออกมาไม่ใช่ผลข้างเคียงของ คลอโรฟิลล์ ไม่ต้องตกใจ เนื่องจากร่างกายกำลังปรับสภาพสมดุลใหม่ ให้ทานคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ต่อไปแล้วอาการต่างจะดีขึ้น

ตราบใดที่ยังรับประทานอาหารที่มีสารพิษประกอบด้วยสารคาร์บอนไดออกไซด์เจือปนอยู่ และอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ ที่ทุกคนยังหายใจเข้าออก ซึ่งคลอโรฟิลล์นั้นจะทำให้เลือดที่เกาะกลุ่มแตกตัวออก และสามารถนำพาเอาก๊าซออกซิเจน เข้าไปปรับสารคาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในกระแสเลือด เพื่อสร้างความสมดุลให้แก่ร่างกายและสร้างภูมิคุ้มกันควบคู่กันไป ฉะนั้น คนเราทุกคนควรงดทานอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อน และหายใจเอาอากาศที่เป็นพิษต่อร่างกายเข้าไปใน ร่างกาย...



[กลับเมนูด้านบน]

การใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100 % เพื่อฟื้นฟูอาการของโรคต้องปฏิบัติตนอย่างไร...…?

ตราบใดที่คนเราทุกคนได้รับอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อน และหายใจเอาอากาศที่มีก๊าซพิษ หรืออากาศที่มีอ๊อกซิเจนไม่บริสุทธิ์ที่เป็นพิษต่อร่างกายเข้าไปใน โรคภัยไข้เจ็บจะมาเยือนท่านอยู่เสมอ ดังโรคในยุคปัจจุบันที่คนไทยเป็นกันมาก โดยที่ไม่ปรากฏให้เห็น ในรุ่นปู่ย่า ยาย จากการที่อธิบายการฟื้นฟูบำบัดไปแล้วนั้น สามารถสรุปได้ ดังนี้

1. การดื่มคลอโรฟิลล์ เพื่อบำรุงร่างกายให้มีภูมิคุ้มกัน สามารถสร้างพลังงาน เพื่อนำไปบำบัดและฟื้นฟู เพื่อให้ร่างกายกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

2. ต้องใช้หลักการรักษาแบบองค์รวม คือ ใช้คลอโรฟิลล์ คู่กับ การรักษา โดยแพทย์

3. ควรได้รับการรักษาและดูแลจากแพทย์ พร้อมปฏิบัติตนหรือใช้ชีวิตที่เหมาะสม (เสริมด้วยคลอโรฟิลล์)

4. เลือกรับประทานอาหารที่สมดุลและมีคุณค่า ปราศจากสารปนเปื้อน หรือสารพิษ

5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ หาวิธีคลายความเครียด

6. หมั่นตรวจสุขภาพ ตลอดจนเข้ารับการรักษาจากแพทย์ เมื่อเกิดการผิดปกติ ทางร่างกาย

จึงมีคำกล่าวที่ว่า “จงใช้อาหารให้เป็นยา” ล้างสารพิษฟื้นคืนสุขภาพให้คุณ ดังคำกล่าวของ Hippocrates บิดา แห่งวงการแพทย์โลกกล่าวไว้เมื่อ 2,500 ปีมาแล้ว



[กลับเมนูด้านบน]

กรณีของอาหารเป็นพิษ จะใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ได้หรือไม่ และใช้อย่างไร ...…?

การใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100 % เพื่อฟื้นฟูอาการอาหารเป็นพิษ

• อาการอาหารเป็นพิษ ให้ใช้คลอโรฟิลล์แบบเข้มข้นประมาณ 15 ซีซี ทานลงไป จะช่วยแก้ไขอาการผิดปกติของอาหารเป็นพิษได้ดีมากโดยไม่ต้องพึ่งพายาใดๆ คลอโรฟิลล์จะไปทำลายพิษโดยตรงในลำไส้ อาการปวดท้องจะทุเลาลงภายใน 10 - 20 นาที แต่ในกรณีรุนแรงมากต้องไปพบแพทย์



[กลับเมนูด้านบน]

กรณีของผู้ที่มีกลิ่นตัวและลมหายใจเหม็น ...…?

คลอโรฟิลล์ มีประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่นลมหายใจ (Halitosis) และกลิ่นตัว ได้อย่างดี ถึงแม้จะไม่ใช่อาการของโรคร้าย แต่ก็มีผลต่อชีวิตการทำงาน สังคมและชีวิตส่วนตัว การกำจัดปัญหาเรื่องกลิ่นตัวเหล่านี้จึงเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้มีปัญหา คลอโรฟิลล์มีคุณสมบัติในการระงับกลิ่นอย่างต่อเนื่อง ประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่นนี้เป็นที่ทราบกันทั่วไปดังนั้นผลิตภัณฑ์ ที่ใช้อยู่ทั่วไปในการดับกลิ่นลมหายใจและกลิ่นตัวจึงต้องมีคลอโรฟิลล์ผสม อยู่ เช่นในหมากฝรั่ง เป็นต้น คลอโรฟิลล์สามารถออกฤทธิ์การกำจัดกลิ่นได้ดีการบริโภคคลอโรฟิลล์ จะให้ผลกำจัดกลิ่นลมหายใจได้ทันที กลิ่นลมหายใจมักเกิดจากเหงือกอักเสบมีหนอง หรือกระเพาะอาหารผิดปกติ คลอโรฟิลล์มีประสิทธิภาพช่วยลดการอักเสบได้ดี จึงสามารถกำจัดกลิ่นที่ต้นเหตุได้อีกด้วย



[กลับเมนูด้านบน]

เรื่องเกี่ยวกับการกำจัดกลิ่นและแบคทีเรีย ...…?

คลอโรฟิลล์ช่วยดับกลิ่นปากได้แต่มีพิเศษไปกว่านั้นก็คือ สามารถช่วยกำจัดกลิ่นที่ต้นเหตุกลิ่นตัวเกิดจากเชื้อแบคทีเรียเข้าไปทำปฎิกิริยากับเหงื่อไคล หรือสิ่งขับถ่ายของร่างกายทำให้เกิดกลิ่นรุนแรง

การใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100 % เพื่อกำจัดกลิ่นและแบคทีเรีย

การกำจัดกลิ่นโดยการยับยั้งแบคทีเรียสามารถทำได้ด้วยการใช้คลอโรฟิลล์ทาบริเวณรักแร้หรือ บริเวณที่ต้องการดับกลิ่นได้ดี



[กลับเมนูด้านบน]

สำหรับผู้ดื่มสุรามานานแล้วแต่ตับยังดีอยู่ หรือรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์มากๆ ดื่มคลอโรฟิลล์ได้หรือไม่...…?

ผู้ที่ดื่มสุรา มานานแล้ว ตับยังดีอยู่ ให้ใช้ คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 5 ซีซี ผสมน้ำสะอาด 1.5 ลิตร ดื่มแทนน้ำในช่วง 1 อาทิตย์แรก หรือประมาณ 5 -7 วัน จากนั้น ให้เพิ่มปริมาณเป็น 10-15 ซีซี ต่อ น้ำสะอาด 1.5 ลิตร ดื่มแทนน้ำ หรือจิบทั้งวัน อาการกระทุง้โรคที่เกิดขึ้นอาจทำให้ท้องผูกประมาณ 2-5 วัน



[กลับเมนูด้านบน]

คนในเมืองได้รับสารพิษทางใดบ้าง แล้วทำไมจึงป่วย ...…?

ทำไมเราจึงป่วย ? เป็นคำถามที่ตอบได้ยาก เพราะมีมาจากหลายๆ สาเหตุด้วยกัน แต่หลักใหญ่ๆ สรุปสาเหตุของการป่วยได้ 2 ประเด็นใหญ่ๆ คือ

1. โรคที่เกิดจากเชื้อโรค

2. โรคที่เกิดจากความบกพร่อง หรือความเสื่อมของการทำงานของอวัยวะใด อวัยวะหนึ่ง หรือหลายๆ อวัยวะรวมกัน ที่เกิดมาจากการบริโภคอาหารที่ผิดๆ การดำเนินชีวิตที่ผิดๆ คุณทราบหรือไม่ว่าอาหารทุกคำที่เรารับประทานเข้าไปมีสารพิษที่ปนเปื้อนมากับพืช ผักที่นำมาปรุงอาหาร ...อีกทั้งผงชูรส...สารพิษที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ...เป็นสาเหตุที่ทำให้เราป่วยสารพัดโรค ผักและผลไม้ที่เรารับประทานทุกวันนี้ มีสารเคมีปนเปื้อน มามากบ้างน้อยบ้างตามประเภทของอาหารเหล่านั้น...สารพิษและการดำรงชีวิตอยู่แบบผิดธรรมชาติทำให้เราเจ็บป่วย...และเป็นโรคซึ่งเรียกว่า โรคเสื่อม

การดำเนินชีวิตที่ผิดๆ ส่งผลต่อร่างกายคือ ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอที่จะซ่อมแซมร่างกายตัวเอง

การที่ร่างกายได้รับสารพิษต่างๆ เข้าสู่ร่างกายมากเกินไปจนเกิดอันตราย การได้รับสารพิษนั้นได้รับทางปากมากที่สุด ตัวอย่างสารพิษที่ได้รับเป็นประจำได้แก่ สารแต่งสีต่างๆ , สารแต่งกลิ่น สารแต่งรส , สารกันบูด(ฟอร์มาลีน คลอรีน)ที่ใช้สำหรับแช่ผัก เพื่อทำให้ผักใหม่สดเสมอ ไม่เหี่ยว , สารกันราในอาหาร , ยาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนมากับผักและผลไม้ , ยาฆ่าหญ้าหรือวัชพืชต่างๆ สารที่ใช้กับผลไม้ต่างๆ เช่น องุ่น มักมีคราบขาวๆ บางๆ ที่ผิว ลองสังเกตดู คือสารฆ่าเชื้อรา , ลำไย ใช้สารโพแทสเซี่ยมคลอเรตเพื่อเร่งให้ออกดอก หรือการรมซัลไฟต์ให้เนื้อสีขาวดูน่ารับประทาน , แอปเปิ้ล ใช้สารเคลือบผิวเพื่อกันเชื้อรา , ส้มเขียวหวาน มีการใช้สารคอปเปอร์ออกซีคลอโรด์ ซึ่งเป็นสารกำจัดเชื้อราสารพิษนี้มีผลโดยตรงต่อทางเดินอาหารทำให้เกิดการปวดท้องอย่างรุนแรง และมีผลต่อระบบประสาท , มะม่วง มีการใช้สารพาร์โคบิวตาโซนเพื่อให้ติดผลนอกฤดูสารตัวนี้ทำลายตับ ทั้งหมดก็เป็นสารพิษที่มากับอาหารที่เราบริโภคในชีวิตประจำวัน ส่งผลทำให้เราป่วยเป็นโรคต่างๆ

โรคมะเร็ง เช่น มะเร็งหลอดอาหาร , มะเร็งปอด , มะเร็งลำไส้ใหญ่ , มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ , มะเร็งกระเพาะอาหาร

โรคเกี่ยวกับภูมิต้านทานของร่างกายผิดปกติ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคพุ่มพวง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ลมพิษ ผื่นคันผิวหนัง คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม ท้องผูก ท้องเสีย

โรคที่เกิดจากความเสื่อม เช่น ความดันโลหิตสูง , โรคเบาหวาน , เส้นเลือดหัวใจตีบตัน , ไขมันสูง , โรคข้อเสื่อม , สมองเสื่อม , โรคอัมพาต

โรคเสื่อมที่มักเกิดกับคนที่ทำงานออฟฟิศหรือคนในเมืองใหญ่เป็นประจำได้แก่

โรคเครียดนอนไม่หลับ บางคนทำงานมาเป็น 10 ปี ไม่ทราบว่าตนเองเจอกับสภาวะเครียดรุมเร้า

โรคความดันโลหิตสูง ความดันโลหิตสูงเป็นภัยเงียบที่ไม่มีอาการ มักพบกับคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งเกิดจากปัจจัยบางอย่าง โรคความดันอาจนำมาซึ่งเส้นเลือดแตก อัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวาย หัวใจวาย

โรคอ้วน โรคนี้มักเกิดขึ้นกับคนในวัยทำงาน โดยเฉพาะคนที่ชอบทำงานไปด้วยรับประทานไปด้วย ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ผู้หญิงมักจะอ้วนง่ายกว่าผู้ชาย

โรคกรดไหลย้อน โรคนี้เกิดกับคนที่รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา รีบมากจนเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด เครียดจัดจนอาหารไม่ย่อย และคนที่สูบบุหรี่หรือดื่มเหล้าจัดมักเสี่ยงต่อการเป็นโรคกรดไหลย้อน นอกจากนี้ผู้ที่เป็นโรคนี้มาเป็นระยะเวลานานมักเสี่ยงกับการเป็นโรคมะเร็งหลอดอาหารอีกด้วย

โรคไมเกรน โรคนี้มักมีอาการปวดหัวบริเวณขมับด้านหน้า หรือ หลังต้นคอ แสดงถึงการพักผ่อนที่ไม่ดีพอ แสงแดด ความร้อนหรือการขาดฮอร์โมนบางชนิดก็ทำให้เกิดโรคนี้เช่นกัน

โรคปวดหลังเรื้อรัง โรคนี้เกี่ยวเนื่องจากกระดูกสันหลัง การใช้ชีวิตอยู่กับโต๊ะทำงานนานๆ ใส่รองเท้าส้นสูงบ่อยๆ ก็อาจเป็นสาเหตุที่สำคัญของอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง แขน ขา และสะโพก

โรคต้อและ ตาพร่ามัว โรคนี้มักเกิดจากการใช้สายตานานๆ การอักเสบหรือการติดเชื้อของกระจกตาจากการใส่คอนแทคเลนส์ การที่มีความดันในลูกตา หรือผู้ป่วยโรคต่อมไทรอยด์และกรรมพันธ์

โรคกระเพาปัสสาวะอักเสบโรคนี้เกิดจากการที่นั่งทำงานาน ๆ จนบางครั้งลืมเข้าห้องน้ำ หรือบางทีต้องเดินทางไกลจนทำให้ต้องอั้นปัสสาวะนานๆ เป็นประจำ และเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งมักเกิดจากเชื้อแบคทีเรียเข้าไปทางท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียเข้าไปทางท่อปัสสาวะ ทำให้เกิดการอักเสบโรคนี้พบกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

โรคนิ่วในถุงน้ำดี การกินอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำ อาจก่อให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี ซึ่งมักพบมากในผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และคนอ้วนมักเป็นโรคนี้มากกว่าคนผอม โดยอาจมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อการเกิดโรคนี้ มาจาก กรรมพันธ์ การอักเสบและการคั่งของถุงน้ำดี การทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานๆ

ลองมาศึกษาพฤติกรรมการกินและการดำเนินชีวิตของคนเมืองดูว่าเป็นอย่างไร

  • ตอนเช้า ดื่มกาแฟ ซื้อปาท่องโก๋ เบเกอรี่เค้กตามร้านสะดวกซื้อใกล้ป้ายรถเมล์ ขนมครก กล้วยทอดมันทอดข้างทาง รีบกินก่อนเข้าทำงานเพื่อให้ท้องอิ่ม
  • ตอนกลางวัน สั่งอาหารมาทานที่โต๊ะทำงาน หรือออกไปทานร้านอาหารใกล้ๆ ออฟฟิต รายการอาหารมักจะซ้ำๆ เช่น ราดหน้า ผัดซีอิ๊ว ผัดไท ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู และอีกสัปดาห์ก็วนมารายการอาหารเดิมๆ หลังจากอิ๋มแล้วก็หาของติดไม้ติดมือมาด้วยเป็นขนมประเภทมีน้ำตาลมาก ครีมเยอะๆ อาจมีผลไม้ร่วมด้วย ตามด้วยน้ำอัดลม น้ำผลไม้ปั่น แถมด้วยกาแฟสดที่ยอดฮิต
  • ตอนบ่าย ดื่มกาแฟสดสักแก้ว ต่อด้วยขนมขบเคี้ยว และขนมกินเล่นต่างๆ มากินที่ทำงาน ทำงานไปกินไป
  • ตอนเย็นก่อนกลับบ้าน มีนัดสังสรรค์กินข้าวกับเพื่อนๆ อาหารส่วนมากก็พวก เนื้อย่างเกาหลี อาหารจำพวกลาบ ส้มตำ ไก่ย่าง คอหมูย่าง มีผักสดให้ 1 จาน แต่ไม่น่าจะปลอดสารพิษ บางวันมีต่อด้วย สุรา และ เบียร์รอบค่ำ ก่อนกลับบ้าน กว่าจะกลับถึงบ้านก็รับเอาอากาศควันรถยนต์ที่มีจำนวนมหาศาลในเมืองใหญ่อย่างชุ่มปอด
  • วันหยุดสุดสัปดาห์ หาอะไรทานนอกบ้าน ถ้าไม่มีนัดออกไปนอกบ้านหรือสถานที่ท่องเที่ยวก็ ทอดไข่ดาว ไข่เจียว หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่เครื่องปรุงเยอะๆ อาจจะใช้วิธีสั่งพิซซ่า ไก่ทอดยี่ห้อดัง แฮมเบอร์เกอร์ เฟรนซ์ฟรายด์ กินคู่กับน้ำอัดลมสีดำบางยี่ห้อ หรือถ้าออกไปกินก๋วยเตี๋ยวก็ต้องใส่เครื่องปรุงมากๆ น้ำตาลเยอะๆ น้ำส้มเยอะๆ
  • นี่ก็เป็นตัวอย่างของหายนะที่กำลังจะสะสมเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นเมื่อป่วยก็จะมีความรู้สึกของคำว่า กลัวตาย ทำให้หวนไปคิดถึงการใช้ชีวิตในอดีตที่เคยคิดเรื่องงานเป็นหลัก สนใจแต่เรื่องการทำงานให้ลุล่วง แต่ไม่สนใจเรื่องศาสตร์ของโภชนาการ และลืมเรื่องการใช้ชีวิตที่เป็นสุขจากการมีสุขภาพดี


  • [กลับเมนูด้านบน]

    ทำไมจึงป่วยใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์แล้ว โรคภูมิแพ้ก็ยังไม่ทุเลา เป็นคนทำงานกะดึก ไม่ทราบว่าเวลการทำงานที่ทำมีผลเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและภูมิต้านทานโรคของร่างกายหรือไม่ ...…?

    ยิ่งนอนดึก ยิ่งเร่งวันตาย การนอนดึกเป็นเหตุให้อายุสั้น เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง การทำงานดึกทำให้ร่างกายล้า เหมือนกับเครื่องยนต์ทำงานหนักแบบ overload ไม่ช้าเครื่องก็พัง วิธีแก้ไขในกรณีต้องทำงานดึก (เพื่อไม่ให้ร่างกายโทรมเร็ว) ผู้ที่มีหน้าที่บริหารงาน มักจะพบปัญหานี้กันมาก เพราะต้องเร่งงาน ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนนอนดึก คือ ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดอาการล้า



    [กลับเมนูด้านบน]

    อาการเลือดกำเดาไหลบ่อย ใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ได้หรือไม่ ถ้าได้ต้องใช้อย่างไร ...…?

    อาการเลือดกำเดาไหลบ่อย เป็นภาวะที่พบได้และเกดขึ้นบ่อย ในผู้ป่วยทุกเพศทุกวัย เลือดกำเดาไหล มักสร้างความตกใจ วิตกกังวลให้กับตัวผู้ป่วยเองและคนใกล้ชิดเป็นอย่างมาก

    ถ้าต้องการดื่มคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100 % เพื่อฟื้นฟูสำหรับอาการเลือดกำเดาไหลบ่อย สามารถดื่มได้ตามปกติทั่วไปคือ

    ให้ใช้คลอโรฟีลล์ 10 ซีซี – 15 ซีซี ผสมน้ำสะอาด 1.5 ลิตร ดื่มแทนน้ำทั้งวัน กรณี ในเด็กผสมนมดื่มได้ อัตรา 3 ซีซี ต่อนม 1 - 1.5 ลิตร



    [กลับเมนูด้านบน]

    การนอนดึกส่งผลเสียแก่ร่างกายอย่างไร ...…?

    ยิ่งนอนดึก ยิ่งเร่งวันตาย การนอนดึกเป็นเหตุให้อายุสั้น เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง การทำงานดึกทำให้ร่างกายล้า เหมือนกับเครื่องยนต์ทำงานหนักแบบ overload ไม่ช้าเครื่องก็พัง วิธีแก้ไขในกรณีต้องทำงานดึก (เพื่อไม่ให้ร่างกายโทรมเร็ว) ผู้ที่มีหน้าที่บริหารงาน มักจะพบปัญหานี้กันมาก เพราะต้องเร่งงาน ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคนนอนดึก คือ ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ เกิดอาการล้า และ ระบบร่างกายจะรวน ดังนี้

    ระบบย่อยอาหาร ท้องอืด ท้องเฟ้อง่าย อาหารย่อยไม่ดี ทำให้อุจจาระหยาบ คืออาหารที่ทานเข้าไป ถ้าไม่นอนดึกอุจจาระจะสวย ไม่มีเศษอาหารติดอยู่ เหมือนกับแท่งทอง แต่ถ้าอดนอนแล้วอุจจาระจะหยาบ จะมีเศษอะไรต่างๆ ติดอยู่ เหมือนกับรถที่มีเขม่าติด เกิดจากการที่ร่างกายย่อยไม่หมด เพราะล้า แนวทางแก้ไข ให้ลดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาหารเหนียวๆ มิฉะนั้นลำไส้ทำงานหนัก ยิ่งนอนดึกแม้เราหลับไปแล้ว แต่ลำไส้ไม่หลับ ยังคงย่อยอยู่ต่อไป พอตื่นขึ้นมาก็เพลีย ให้ทานไข่ นม แทนพวกเนื้อสัตว์ ก็จะพอถูไถไปได้ มิฉะนั้นท้องจะผูกเป็นประจำ ริดสีดวงทวาร (ถ้าหากอ้วนก็ให้ทานนมแทนไข่) เพราะฉะนั้น อย่านอนดึก หากจำเป้นต้องนอนดึกต้องให้ท้องอุ่นมากๆ ให้หาผ้ามาห่ม เดี๋ยวท้องจะอืด เฟ้อ บางทีต้องให้เท้าอุ่นด้วย ให้หาถุงเท้ามาใส่ มิฉะนั้นเท้าจะชา

    ระบบปัสสาวะ ถ้านอนไม่ดึก ประมาณ 3-4 ทุ่ม พอตื่นเช้าขึ้นมาจะปัสสาวะครั้งเดียวจบ แต่ถ้านอนดึก ยิ่งนอนตีหนึ่ง กลางดึกจะต้อง ลุกเข้าห้องน้ำถี่ เพราะร่างกาย overload ต้องการน้ำมาก กล้ามเนื้อข้างในจะบีบคั้นเอาพลังงานออกมาใช้ จึงต้องใช้น้ำมาก ผลก็คือปัสสาวะบ่อย ทำให้พวกเกลือแร่ที่อยู่ในร่างกายจะถูกขับออกมาพร้อมกับปัสสาวะด้วย ยิ่งอายุ 35 ขึ้นไปจะยิ่งแย่ แนวทางแก้ไข ให้ทานแคลเซี่ยมเม็ดได้ แต่อย่ามาก แค่ 1 เม็ดก็พอ ถ้าทานมากจะทำให้แคลเซี่ยมพอก คืออาการที่กระดูกงอกทับเส้นประสาท (ถ้าเป็นแล้วต้องให้คนนวด และทานยาละลายแคลเซี่ยมช่วย) ถ้าไม่ทานแคลเซี่ยมชดเชย จะทำให้เลือดจาง เม็ดโลหิตจาง เพราะฉะนั้น อย่านอนดึกจะดีที่สุด

    ระบบเหงื่อ คนที่ไม่มีเหงื่อออก จะแย่ ถ้าขับเหงื่อให้ออกได้ร่างกายสบาย ถ้าเหงื่อไม่ออกความร้อนภายในร่างกายจะระบายไม่ได้ ทำให้อึดอัด ของเสียในร่างกายก็ออกไม่ได้ โรคผิวหนังจะถามหา สิวฝ้าจะขึ้น เพราะฉะนั้น ดื่มน้ำให้มากพอและออกกำลังกาย เท่านั้นพอ เอาจนเหงื่อออกให้ได้ คนนอนดึกเหงื่อจะไม่ค่อยออก ของเสียตกใน สิวฝ้าขึ้น มันก็จะไปออกทางปัสสาวะแทน ไตเลยทำงานหนัก

    ระบบหายใจ ระบบหายใจจะเสียตามมา ร่างกายจะเอาออกซิเจนไปแลกเลือดดำให้เป็นเลือดแดงได้ต้องมีความชื้น ถ้าความชื้นน้อยมันจะไม่แลก ทำให้อึดอัด เหมือนอยู่ห้องแอร์แล้วอึดอัด เพราะความชื้นไม่พอ ไม่ใช่อากาศไม่พอ อากาศมันแห้งเลยเอาความชื้นในตัวเราไป ทำให้ปอดทำงานไม่สะดวก และออกซิเจนไม่ได้ แนวทางแก้ไข ให้เอาน้ำใส่กะละมังไว้ข้างตัว ยิ่งเป็นน้ำร้อนยิ่งดี ถ้าอึดอัดให้เอาผ้าหนุนเท้าให้สูง เลือดก็จะไหลลงมาได้ จะทำให้นอนสบาย การดื่มน้ำหวานๆ ตอนอยู่ดึกๆ ก็ช่วยได้ แต่อย่าหวานมากจะทำให้อ้วน ถ้าจะให้ดีที่สุดอย่าอยู่ดึก ดึกได้เป็นครั้งคราวถ้าจำเป็น คนนอนดึกเสียงจะแห้ง เพราะไตมันล้า

    สรุปแล้วการอดนอน เท่ากับเร่งวันตายให้ตัวเอง

    ยอกจากนี้การนอนดึก ทำให้ไม่มีฮอร์โมนต้านมะเร็งหลั่งออกมา นอกจากนี้ยังจะทำให้เกิดโรคร้ายอื่น เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง และโรคอ้วน เพราะการนอนดึก มักจะหิวและต้องหาของขบเคี้ยวมากิน



    [กลับเมนูด้านบน]

    ป่วยเป็นโรค SLE หรือ autoimmune disease หรือโรคพุ่มพวง สามารถใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100 % ได้หรือไม่ถ้าได้ จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร...…?

    โรคภูมิต้านทานทำลายเซลล์ตัวเอง (SLE , autoimmune disease) หรือ โรคพุ่มพวง อาการเบื้องต้นที่สังเกตได้คือ มีผื่นขึ้นตามตัว ปวดตามข้อต่างๆ และตัวบวม จากการที่ไตทำงานผิดปกติ และก็มีปัญหาที่ตามมา คือ ตัวบวม และมีใบหน้าใหญ่เหมือนพระจันทร์ (moon face) ยาที่ใช้จะเป็นยาเพรดนิโซโล (สเตียรอยด์) และ ก็ยากดภูมิต้านทาน ที่ให้ ชื่อ อิมมิวแลน

    การใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ ให้เริ่มต้นที่ 5 ซีซีผสมน้ำ 1.5 ลิตร (น้ำสะอาดที่ผ่านการรับรองจาก อย.) ในช่วง 5 – 7 วันแรก จากนั้นในสัปดาห์ที่ 2 ให้เพิ่มเป็น 10 ซีซี ต่อน้ำ 1.5 ลิตร

    ข้อห้ามในการใช้คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ กับการใช้หลักธรรมชาติบำบัด ให้งด หรือลดปริมาณการรับประทานอาหารหวานลง เช่น ขนมหวาน (ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และขนมอื่นๆ ที่มีควานหวานมาก) , น้ำผลไม้ , น้ำอัดลม , ผลไม้ทุกชนิด



    [กลับเมนูด้านบน]

    คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100 % เต็มช่วยคุณได้อย่างไร ?
    พลังสีเขียวจากธรรมชาติ ทำไมเราจึงเจ็บป่วย ? คลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100 %
    ประสิทธิภาพคลอโรฟิลล์ต่อโรค การฟื้นฟูบำบัดโรคต่างๆ วิธีธรรมชาติของชาวฮันซา (Hanza)
    คลอโรฟิลล์ที่ทางการแพทย์ทั่วโลกยอมรับ ผลิตภัณฑ์แองเจิ้ล (Angel) ***สินค้าของเรา***
    ประวัติ Dr. Hans Fischer สมัครสมาชิกได้ประโยชน์อย่างไร ? ขั้นตอนการชำระเงิน
    บรรยายพิเศษเรื่องธรรมชาติบำบัด กรอกข้อมูลสมาชิก เกี่ยวกับเรา
    บริษัท ดีซูซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ติดต่อเรา คำถามที่พบบ่อย
    ประสบการณ์ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์กระดานข่าวและสาระน่ารู้ วิธีสังเกตุคลอโรฟิลล์บริสุทธิ์ 100 %
    Download เอกสารแผ่นพับ แผนการตลาดของบริษัท สอบถามผลิตภัณฑ์ติตต่อ คุณเขมจิรา
    โทร. 086-0366174 ทุกวัน
    กลับสู่หน้าแรก


    Copyright @ 2007 All rights reserved. www.chlorophyll.tht.in ทีมงานบ้านสมุนไพรชัยมงคล คุณเขมจิรา จิตมงคล